ads 728x90

หลัก 5 ย. เพื่อส่งเสริม ชีวิตคู่ ยุคใหม่ ให้ยืนยาวและมีความสุข

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

  หลักง่ายๆ ที่จะช่วยในการส่งเสริมความสำพันธ์ของ ชีวิตคู่ ยุคใหม่ ชีวิตคู่ ที่มั่นคง อบอุ่นไปด้วยความรักความเข้าใจเป็นแหล่งพลังกายและพลังใจอันสำคัญให้เรายืนหยัดอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข หลักง่ายๆ ที่จะช่วยในการส่งเสริมความสำพันธ์ของ ชีวิตคู่ยุคใหม่ คือ ยกย่อง ยินยอม ยืดหยุ่น แยกแยะ และยืนหยัด
หลัก 5 ย. เพื่อส่งเสริมชีวิตคู่ยุคใหม่ ให้ยืนยาวและมีความสุข
  ยกย่อง สำหรับคู่รัก การยกย่องให้เกียรติกันและกันมีความสำคัญอันดับต้นๆ การพูดยกย่องคู่ของเราบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง จะทำให้อยู่กันอย่างไม่มีปัญหา การพูดยกย่องต้องทำทั้งต่อหน้าและลับหลัง ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะใช้วาจายกย่องอย่างไร ก็ควรคู่ของเราไปพูดคุย อย่างสนุกปาก เพราะถ้าใครได้ยินอาจจะคิดไปว่าสามีภรรยาคู่นี้ไม่ให้เกียรติกันและกัน
  ยินยอม หมายถึง การยอม ๆ กันบ้างหรือคิดถึงเหตุผลหรือความรู้สึกของอีกฝ่ายบ้าง เพราะคน 2 คนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ย่อมมีสักครั้งหรือหลายครั้งที่มีความคิดเห็นไม่ลงลอยกัน มีหลายเรื่องที่ทั้งคู่จำเป็นต้องตัดสินร่วมกัน ถ้าต่างคนต่างถือเหตุผลของตนเองเป็นใหญ่ ไม่มีใครยอมรับ มุ่งแต่เอาชนะ ชีวิตคู่แบบนี้อาจจะอยู่กันไม่ยึดได้
  ยืดหยุ่น ในการใช้ชีวิตคู่นั้น ยิ่งอยู่นาน ยิ่งรู้จักกันมากขึ้น มีเรื่องราวต่างๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตมากขึ้น ตอนอยู่กันแรกๆ ทำอะไรก็ดูดีไปหมด อะไร ๆ ก็ทนได้ แต่พออยู่กันนานเข้าทั้งๆ ที่คู่ขอเราก็ยังเป็นคนเดิมอยู่ แต่ก็ชักจะมีหลายเรื่องที่เราชักจะทนไม่ไหว หรือรับไม่ได้ขึ้นมา ความจริงนั้นชีวิตคู่ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งต้องมีการยืดหยุ่นให้แก่กันและกันมากกว่าตอนรักกันแรกๆ
  แยกแยะ ชีวิตคู่ 2 คน มีเรื่องราวต่างๆ เข้ามาปะปนจนแยกไม่ออก ถ้าเป็นเรื่องเล็กๆ ก็ไม่เป็นไร แต่บางเรื่องก็ไม่สามารถนำมาปะปนกันได้ เช่น เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว บางคนหงุดหงิดจากที่ทำงาน เมื่อกลับมาบ้านก็พาลหงุดหงิดกับภรรยาที่บ้าน ไปโวยวายกับเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้อง อาจส่งผลให้เกิดปัญหาได้ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ภรรยาบางคนโทรศัพท์เช็คสามีตลอดทั้งวันเป็นการรบกวนสมาธิในการทำงาน แทนที่สามีจะรู้สึกว่าภรรยารักและห่วงใย อาจะรู้สึกในทางกลับกันว่าภรรยาคอยจับผิด จนนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งจนถึงขั้นเลิกรากันได้
  ยืนหยัด ไม่ว่าจะเกิดปัญหาใดๆ ขึ้นก็ตาม กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ความปรารถนาที่จะมีความสุขสดชื่นตลอดไปในชีวิตคู่ต้องมีใจที่จะยืนหยัดต่อสู่ด้วยกัน จะสุขจะทุกข์ก็ต้องร่วมกันฝ่าฝัน เข้าสำนวนที่ว่า “มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน” ใครท้อแท้หรือล้มลงก็ต้องช่วยดึงให้ลุกขึ้นยืนใหม่ให้ได้

ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก…womanplusmagazine.com

30 วิธี ใช้ ชีวิตคู่ ให้สนุก

 จำตอนคุณเป็นแฟนกันใหม่ๆได้อยู่ไหม?  ไม่ว่าจะมองไปทางไหนอะไรๆก็สดใสหวานแหววไปซะหมด แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาของโลกนี้ หากความหวานแหววนั้นจะละลายหายไปพร้อมกับวันเวลา และความเครียดในชีวิต คู่รักที่คบกันมานานมักหัวเราะให้กันน้อยลง คุยกันน้อยลง จนกลายเป็นความเฉยชาต่อกัน ซึ่งเป็นสัญญาณไม่ดีสำหรับชีวิตคู่เอา ซะเลย อันที่จริงแล้วการที่คุณจะมีความสุขด้วยกันเสมอไม่ใช่เรื่องยาก เคล็ดลับเพียงคุณปลดปล่อยด้านที่ขี้เล่นในตัวออกมากันซะบ้าง คุณจะสนุกสนานในการเป็นคู่กันมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความลึกซึ้งต่อกันได้ด้วย เหมือนกับว่าคุณได้รีเฟรชความสัมพันธ์ของกันและกันตลอดเวลา  ลองใช้คำแนะนำต่อไปนี้ทำให้คู่รักของคุณกระปรี้กระเปร่าและเต็มไปด้วยช่วง เวลาดีๆด้วยกัน
1. แทนที่จะเรียกกันแบบรักใคร่ว่า ที่รักหรือตัวเอง ลองตั้งชื่อเล่นตลกๆให้กันดูสิ อย่าง บู่บู๋กับบู๊บู, หมาดำกับแมวอ้วน แตงกวากับฟักทอง เป็นต้น ดร.แคโรลีน เพียร์ล่า นักบำบัดชีวิตคู่ในนิวยอร์กกล่าวว่า “ชื่อเล่นงี่เง่าเป็นรูปแบบหนึ่งของการสื่อสารของคู่รัก แยกตัวเองออกจากโลกภายนอก และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะคู่ที่รู้กันสองคน”
2. หาเวลาว่างไปเล่นเกมส์กัน หรือไปสวนสนุกเล่นเครื่องเล่นที่ทำให้คุณได้กรี๊ด ทำให้คุณสองคนได้มีเวลามันส์ๆด้วยกัน
3. ส่งข้อความให้กันโดยคิดค้นโค้ดชื่อใหม่ๆขึ้นมา ให้อีกฝ่ายได้ประหลาดใจ แถมจะเพิ่มประเด็นการสนทนาสนุกๆให้คุณทั้งคู่ได้อีก
4. ออกไปดินเนอร์กันในสถานที่แปลกๆ เช่น ปิกนิกกันยามเที่ยงคืนใต้แสงดาว หรือที่สนามบินที่ที่คุณจะได้นั่งมองเครื่องบินขึ้นลง
5. พาเด็กๆ อย่าง หลานคุณหรือหลานของแฟนคุณ ออกไปทานข้าว ทานไอศกรีมด้วยกัน แทนที่คุณจะไปกันแค่สองคน การได้เที่ยวกับเด็กๆ ทำให้อีโก้เราลดลงและปลดปล่อยความเป็นเด็กออกมา
6. ที่ร้านอาหาร พยายามสั่งอาหารที่คิดว่าอีกคนอยากทาน จากนั้นแบ่งกันกินอาหารที่คุณทั้งคู่สั่งมา
7. เดือนละครั้ง ลองไปเที่ยว ไปสำรวจย่านที่คุณสองคนไม่คุ้นเคย หาอาหารเที่ยงทานกัน ไปซื้อของจุ๊กๆ จิ๊กๆ หรือถ่ายรูปหน้าป้ายถนนที่แปลกๆ
8. วาดภาพพอร์ทเทรทของกันและกัน เน้นส่วนที่คุณชอบเป็นพิเศษ คุณจะทำให้อีกฝ่ายยิ้มออก
9. วันหยุดที่ได้อยู่ด้วยกัน ผลัดกันเล่นเกมส์ต่อชื่ออาหาร ใครตอบต่อไม่ได้ก็ลงโทษด้วยการเตะก้น หรือให้ดื่มน้ำจนพุงกางไปเลย
10. ถ้าแฟนคุณอยู่ไกล อีเมลหาเขาเล่าเรื่องที่คุณแต่งขึ้นมา บทที่หนึ่ง จากนั้นให้เขาต่อบทที่สอง เขียนกลับไปกลับมาแบบนี้ จะตลกหรือทะลึ่งแค่ไหนก็ได้แล้วแต่คุณต้องการ
11. ปาหมอนใส่กันหรือชกกันเล่นๆ
12. เวลาแฟนคุณไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ต เขียนรายการตลกๆ ลงไปในรายการข้าวของที่เธอจะซื้อ เช่น “น้ำมันพืช เพื่อหล่อลื่น”
13. เอาโน้ตรักของแต่ละคนเสียบไว้ในที่แปลกๆในบ้าน เช่น ในตู้เย็น ฝาชักโครก
14. ปริ๊นท์รูปแฟน พิมพ์คำว่าต้องการด่วน และเขียนคุณสมบัติที่ดีๆที่เขามี แล้วเอาไปเสียบไว้ตรงที่ปัดน้ำฝนหน้ารถเขา
15. เมื่อมีคนถามว่าคุณสองคนรู้จักกันได้อย่างไร ลองแต่งเรื่องที่แสนดุเด็ดเผ็ดมันส์ของคุณให้เขาฟัง แล้วคุณจะหัวเราะให้กับเรื่องเป็นตุเป็นตะที่คุณกุขึ้น
16. พยายามมองสถานการณ์แย่ๆในแง่บวก เช่น เมื่ออีกฝ่ายตกงาน คุณบอกเขา/เธอและคนอื่นๆว่า เขา/เธออยู่ในช่วงพักผ่อน แทนที่จะบอกว่าตกงาน
17. นัดคู่รักของคุณที่ไหนก็ได้ แล้วแกล้งทำเป็นว่า นี่เป็นครั้งแรกที่คุณได้พบกัน
18. หลังแฟนคุณสระผมเสร็จ ลองถามแฟนคุณว่า อยากได้คนช่วยไดร์ผมไหม
19. แวะที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง สมมติสัตว์เลี้ยงในร้านสักตัวว่ามันเป็นของคุณสองคน แวะเข้าไปเล่นกับมันและช่วยกันตั้งชื่อให้มันด้วย
20. ทุกๆสองหรือสามเดือน ลางานสักวัน และหมกตัวอยู่บนเตียงด้วยกันตลอดทั้งวันเลย
21. แปะกระดาษโพสต์อินไว้ในหนังสือหน้าที่คุณอ่านแล้วชอบ ก่อนที่จะให้แฟนคุณอ่าน
22. หางานอดิเรกแปลกๆ เช่น ตั้งชื่อแปลกๆ ให้กับคนประหลาดที่คุณรู้จัก แถมแต่งเรื่องราวภูมิหลังนิดหน่อย “ยายที่อยู่ข้างบ้าน เมื่อก่อนเคยเป็นภรรยาของโจรสลัดมาก่อน ” “ตอนกลางคืนเจ้านายของฉันสามารถแปลงร่างเป็นแมวสาวได้”
23. ชมกันและกันแบบแปลกๆ เช่น ไฝที่อยู่ที่หน้าอกข้างซ้ายของคุณน่ารักที่สุด
24. อีเมลเพลงจาก MP3 ที่คุณกำลังฟังอยู่ให้กัน มันจะทำให้คุณเชื่อมโยงถึงกันโดยไม่ต้องคุยกัน
25. ส่งแฟนไปทำงานพร้อมถุงใส่อาหารว่าง ขนมขบเคี้ยวหรือ ผลไม้ และเขียนโน้ตลงไปในถุงนั้นด้วยว่า “ขอให้ทำงานให้สนุกนะคะ”
26. แต่งตัวหรูๆ ลองไปทดลองขับรถราคาแพงๆ ที่คุณไม่มีทางซื้อได้
27. อ่านคอลัมน์ท่องเที่ยวในหนังสือพิมพ์บนเตียงและจินตนาการว่าคุณอยากไปไหน
28. เล่าเรื่องตลกๆในชีวิตให้กันและกันฟังหลังกินข้าวเย็นด้วยกัน
29. ใส่เสื้อยืดที่พ่นสีคำว่า “ฉันรัก…(ชื่อแฟนคุณ)….” ตอนไปรับแฟนคุณจากที่ทำงาน
30. ห่อของขวัญวันเกิดให้แฟนด้วยกระดาษอัดรูปของเขา ช็อตที่เขาทำท่าทางตลกๆ หรือรูปเขาสมัยเด็ก

ที่มาจาก  weddingmakmy

10 กลยุทธ์สู้ เมียน้อย

 ปัญหาเล็กปัญหาน้อยที่เคยว่ากันมา ยังไงเสียก็ไม่มีเรื่องไหนใหญ่หลวงเท่ากับเรื่องนี้ ก็จริงนะครับ ในชีวิตครอบครัว ไม่มีเรื่องไหนที่จะใหญ่ไปกว่า…เมื่อรู้ว่าสามีมีเมียน้อย!
10 กลยุทธ์สู้ เมียน้อย
รู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นอื่น
เรื่องนี้ อย่างน้อยคนที่เราแต่งงานอยู่กินกันมา เราก็คงรู้จักนิสัย กิจวัตรของเขาค่อนข้างดี ยิ่งถ้าอยู่บ้านเดียวกัน ต้องอยู่ด้วยกันทุกวัน ยิ่งจับได้ไม่ยาก หากอยู่กันคนละบ้าน ทำงานต่างจังหวัด นานๆ กลับบ้านที อย่างนี้ก็ลำบากหน่อย…แต่ความลับก็ไม่มีในโลก สักวันก็คงเผลอพิรุธออกมาเจอจนได้แหละครับ โดยผ่านสิ่งต่างๆ เหล่านี้
มีช่วงเวลาที่หายไป
หายไปโดยไม่มีใครรู้ไม่ได้ไปทำงาน ไม่ได้กลับบ้าน แล้วก็อธิบายไม่ได้ว่าไปไหน…คุณแม่บ้านบางคนเคยเล่าให้ฟังว่า ทุกคืนต้องแอบไปจดเลขไมล์บนหน้าปัดรถ แล้วมาจับได้เมื่อตอนสามีบอกว่าไปทำงานไม่ได้ไปไหนเล้ย..ที่ไหนได้เลขไมล์ ขึ้นแค่ระยะหน้าปากซอยนี่เอง
เริ่มมีความลับ
คนที่แต่งงานอยู่กินกันมาโดยมาก ไม่ค่อยมีเรื่องต้องปิดบังอะไรกันหรอกครับ แต่หากมีอาการลับๆ ล่อๆ แอบโทรศัพท์ไม่ให้เรารู้ แอบซื้อของมาแต่ไม่ให้เราเห็น แอบมีพวงกุญแจแปลกๆ ที่ไม่ใช่กุญแจที่ใช้ในบ้าน หรือแอบทำอะไรโดยที่ไม่อยากให้เราเห็น…อาการอย่างนี้ก็ต้องจับตาดูให้ดี
หัดโกหก
คนบางคนพอพูดโกหก สายตาและสีหน้าจะบอกว่ากำลังโกหกอยู่ ยกเว้นบางคนที่แสดงละครได้แนบเนียนอาจจะรอดตัว…หากจับได้ว่าสามีพูดโกหก ลองติดตามเรื่องต่อไปได้ว่าโกหกเรื่องอะไร เพราะอะไร เดี๋ยวเจอดีเอง
ความรักจืดจาง
ในเมื่อเขาต้องแบ่งปันความรักไปให้คน อื่นด้วย ใจเขาก็ไม่ได้อยู่ที่เราคนเดียว ตัวอยู่กับเรา ใจอาจไปไหนๆ แล้วก็ได้ การดูแลครอบครัวจะน้อยลง ความรับผิดชอบจะลดลง บางทีบางคนอาจจะเห็นอะไรในบ้านมันน่าเบื่อไปหมด…น้ำพริกถ้วยเก่ามันก็เซ็ง เป็นธรรมดา จะไปสดเหมือนน้ำพริกถ้วยใหม่ได้ยังไงล่ะครับ
แต่อาการทั้งหมดนี้เป็นแค่ลางเฉยๆ นะครับ จะไปสรุปเหมารวมเลยคงไม่ได้ เดี๋ยวเขาจะว่าอ่านคอลัมน์หมออานนท์แล้วระแวงกันไปเกินกว่าเหตุ…ต้องจับ ได้คาหนังคาเขาถึงจะชัวร์
มีเมียน้อยแน่แท้ สามีฉัน
พอสรุปได้ดังนี้..อันดับแรกก็ต้องใจเย็นๆ ไว้ก่อน แล้วลองทำตามนี้ก็แล้วกัน
1.ทำใจกับข่าวร้าย ตื่นเช้ามาก็ยังดีๆ อยู่ ใครจะไปรู้ว่าวันนี้จะได้ข่าวใหญ่ในชีวิต มันก็ตั้งตัวไม่ทันเหมือนกันนะครับ เมื่อได้ข่าวร้าย ต้องมั่นใจก่อนว่าไม่ใช่ข่าวปล่อยของผู้ไม่หวังดี บางทีอารมณ์ชั่ววูบก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเก่า ขอเวลาให้ตัวเองสักครู่ ทบทวนทางเลือกของชีวิตให้ดี เรื่องนี้กระทบอะไร กับใครบ้าง ต้องคิดให้ดี ยิ่งมีลูก ยิ่งต้องคิดเผื่ออนาคตลูกไว้ด้วย เรื่องแบ่งสมบัติเอาไว้คิดทีหลัง
ที่บอกว่าต้องใจเย็นๆ เพราะผู้หญิงบางคนอารมณ์ร้อน ใจร้อน เอะอะ โวยวาย ชวนทะเลาะเสียงดัง บางครั้งถึงลงไม้ลงมือ ถ้าถึงขั้นนี้ บางครั้งมันก็ไม่สามารถแก้ไขกลับมาให้ดีได้เหมือนเก่า
หากใจเย็น ตั้งสติไว้ แล้วท่องคาถาไว้แค่ว่า “อย่าให้อะไรมันเลวร้ายลงมากกว่านี้” ค่อยๆ พูดกัน หาทางแก้ไขปัญหาโดยวิธีสันติ ดีกว่าการประกาศสงคราม หากอยากจะร้องไห้ อยากจะระบายก็ต้องให้คุณสามีตัวดีรับรู้ด้วยว่าเราไม่ได้อ่อนแอ เพียงแค่เสียใจที่คนที่เรารักทำอย่างนี้กับเราเท่านั้นเอง
2. สำรวจตัวเอง จากนั้นต้องดูตัวเองเป็นอันดับแรกแหละครับ เราจะไปรู้จักคนอื่นได้ดีได้อย่างไร หากไม่รู้จักตัวเองให้ดีเสียก่อน ดูว่าเราเปลี่ยนแปลงอะไรไปจากเดิมบ้าง คนที่สามีเรารักและแต่งงานด้วยกับตอนนี้มีอะไรที่ต่างกันหรือเปล่า เราเป็นฝ่ายเปลี่ยนไป ซึ่งทำให้ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไป หรือว่าเรายังคงเหมือนเดิม แต่เขาเป็นคนเปลี่ยนไปเอง
ที่ให้สำรวจตัวเองก่อน เพราะบางครั้งเราไม่เคยรู้จักตัวเองเลยว่า ขี้โมโห เอาแต่ใจตัวเองยังไง จนกระทั่งวันที่เขาไปมีคนอื่น…ถึงตอนนี้ต้องหันกลับมาดูตัวเองแล้วว่ามี อะไรดี ไม่ดี มีอะไรเปลี่ยนไปจากคนที่เขาเคยรักบ้าง
ทำตัวให้เหมือนผู้หญิงที่เขาเคยรัก เคยขอแต่งงาน…ดีกว่าไปนั่งพูดเสียดสี กระแนะกระแหนให้ต้องทะเลาะกันเป็นไหนๆ
3.ทำความรู้จักสามีของตัวเองให้ดีขึ้น ผู้หญิงบางคนแทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับงานการของสามีเลย เพื่อนฝูงของสามีก็ไม่รู้จัก บอกเอาไว้ก่อนว่ากรณีอย่างนี้เพื่อนฝูงตัวดีนี่แหละที่จะหาเมียน้อยมาให้ สามีเรา การที่เราไปสังคมกับเพื่อนๆ ของสามีบ้าง เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง อย่างน้อยเห็นหน้ากันบ่อยๆ จะได้เกรงใจกันบ้าง หรือบางทีหากสามีเราว่อกแว่กไปปิ๊งสาวคนไหน เพื่อนของสามีอาจจะรีบส่งข่าวให้เรา จะได้รีบตัดไฟเสียแต่ต้นลมสบายใจไป
4.หลายหัวดีกว่าหัวเดียว เรื่องละเอียดอ่อนอย่างนี้ บางครั้งการได้คุยได้ปรึกษากับคนใกล้ชิดที่ไว้ใจ อาจจะช่วยอะไรได้มาก หลายคนอาจมีประสบการณ์อย่างนี้มาก่อน ในช่วงเวลาอย่างนี้ การปลอบโยน การให้กำลังใจ การช่วยเหลือจากคนรอบข้างจะทำให้เรารู้สึกอบอุ่นขึ้นได้ ดีกว่าต้องนั่งอมทุกข์อยู่คนเดียว หลายๆ คนอาจจะอายที่ต้องบอกเรื่องนี้กับคนอื่น ถึงตอนนี้แล้วคำแนะนำจากใครสักคนน่าจะดีกว่า
5.คิดให้ดี จะทำอะไรต้องคิดก่อนล่ะครับ ความดีของเขาที่เคยดูแล ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาแต่กาลก่อน ก็เยอะเหมือนกัน ความผิดพลาดแค่ครั้งเดียว ก็ต้องคอยดูกันต่อไปว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ บางครั้งการแก้ปัญหาโดยการให้อภัยจะเป็นผลดีต่อครอบครัวมากกว่า…แต่ต้อง กำชับให้มั่นใจนะว่า “ต้องไม่มีครั้งต่อไปอีก”
หากมีปัญหาในชีวิตครอบครัว ให้นึกถึงคำพระที่ท่านให้ไว้ตอนแต่งงานว่า “ให้ร่วมทุกข์ ร่วมสุข อดทน และให้อภัย” ไว้
การคิดแก้ปัญหาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ต้องคิดในแง่ดีไว้ก่อนเสมอ นั่นคือ “ทำอย่างไรให้ครอบครัวกลับมาอบอุ่นมีความสุขเหมือนเดิม” ลองเอาคำนี้เป็นจุดตั้งต้น แล้วค่อยๆ หาแนวทางที่จะทำให้เป็นไปได้ ที่จริงก็ยากนะ ที่จะประสานแก้วที่มันร้าวให้กลับเป็นแก้วสวยสดใสดังเดิม แต่ก็ควรพยายามเชื่อมประสานแก้วให้ไร้ร้อยให้มากที่สุด เพื่อความสุขของตัวเองและลูก นอกจากมันจะสุดปลายมือจริงๆ ที่จะรักษาแก้วนี้ไว้…มันก็จะตกแตกกระจาย..ไร้ค่าแปดเปื้อนธุลีดิน
6.ใช้ชีวิตร่วมกันให้มากขึ้น บางครั้งถ้าไม่เกิดปัญหา คนเราก็ไม่เคยหันมามองตัวเองหรอกครับ บางคู่อยู่บ้านเดียวกัน เจอหน้ากันแต่ไม่เคยได้คุยกันจริงๆ จังๆ เลยก็มี ยิ่งเดี๋ยวนี้ผู้หญิงทำงานนอกบ้านกันมากขึ้นยิ่งทำให้รู้สึกห่างเหินห่างไกล กันไปใหญ่ บางคู่ไม่เคยไปเที่ยวด้วยกันมา 4-5 ปีแล้วก็มี พอสามีไปมีบ้านเล็ก บางคนอาจจะสมน้ำหน้าตัวเองก็ได้ การได้มีเวลาอยู่ร่วมกันก็จะทำให้เราเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น ได้พูดกัน คุยกัน ทำความเข้าใจกัน ประสานร้อยร้าว ความขัดแย้งที่มีต่อกันได้
ถึงตอนนี้คงต้องเลือกเอาครอบครัวเป็น หลักมากกว่าเรื่องงานแล้วล่ะครับ พยายามกลับบ้านให้เร็วขึ้น ทำกับข้าวตั้งโต๊ะกินพร้อมกัน พออิ่มแล้วก็นั่งเล่นเปิดเพลงฟัง คุยกันถึงเรื่องเก่าๆ ที่ทำให้มีความสุข อย่าได้มีการพูดประชดประชัน หรือขุดเรื่องร้ายๆ เก่าๆ มาตอกย้ำเป็นอันขาด ไม่ว่าจะคันปากสักเพียงไหน ต้องยึดหลักง่ายๆ ไว้อย่างเดียวว่า “อย่าให้อะไรมันเลวร้ายลงมากกว่านี้”
ลองเอารูปเก่าๆ รูปวันแต่งงาน รูปที่เคยไปเที่ยวด้วยกันอย่างมีความสุขมาดูทำไมตอนนี้ถึงกลับไปมีความสุขอย่างนั้นไม่ได้ล่ะ
7.หาแนวร่วม ตอนนี้ตัวเราคนเดียวอาจไม่มีพลังความสามารถพอที่จะประสานรอยร้าวนี้ได้ ลองชวนกันไปเยี่ยมพ่อตาแม่ยายของเขา ไปเยี่ยมพ่อแม่สามีสักทีก็ยังดี ยังไงผู้ใหญ่เหล่านี้ก็เป็นคนเจิมหน้าผากรดน้ำให้ อาจช่วยเราได้บ้าง กลยุทธ์นี้บางทีก็เป็นไม้เด็ด…คุณสามีหัวหด กลายเป็นเด็กดีเลยเชียวล่ะ
เพื่อนฝูงของครอบครัว เพื่อนของสามีคบไว้เหอะดี เพราะบางคนพอมีปัญหาอาจจะคุยกับเพื่อนมากกว่าคุยกับเมียตัวเองเสีย อีก…หลักง่ายๆ ของข้อนี้ก็คือ สร้างสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเขาให้อยู่ข้างเรา
8.ประเมินคู่ต่อสู้ รู้จักศัตรูย่อมมีชัยเหนือศัตรู แต่บางทีก็ยากเหมือนกันนะที่จะสืบเสาะหาข้อมูลของคู่ต่อสู้ แต่ถึงยากยังไงก็ต้องทำ จะได้รู้ว่าในสายตาของสามี เราเป็นนางเอกหรือเป็นนางร้าย หากฝ่ายโน้นเป็นนางเอก เอาอกเอาใจ เวลาสามีมีปัญหาไปอยู่ด้วยแล้วสบายใจ กลับบ้านทีไรก็เจอนางร้ายคอยบ่นคอยว่าอย่างนี้เห็นจะลำบาก
บางครั้งฝ่ายโน้นอาจยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ผู้ชายที่อยู่ด้วยมีลูกมีเมียมาก่อนแล้ว อย่างนี้ถ้าได้ลองคุยกัน เจรจาด้วยสันติดูก่อน หัวอกลูกผู้หญิงด้วยกัน คงคุยกันได้บ้างเป็นบางราย แต่บางคนทั้งที่รู้ว่ามีลูกมีเมียก็ยังเอา บางทีโทร.มาว่าเมียหลวงถึงบ้านก็มี เมื่อเรารู้จักคู่ต่อสู้ดีแล้ว ต้องสร้างบทให้เราเป็นนางเอกของเรื่องให้ได้ เพราะนางร้ายมักตายตอนจบทุกที!
9.สนใจเรื่องบนเตียงบ้าง บางครั้งเหตุที่สามีไปมีเมียน้อย ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไปมีรักใหม่หรอกนะครับ ส่วนมากมักจะเป็นเรื่องอย่างว่าเสียมากกว่า บางครั้งอยู่กับเมียหลวงเหมือนนอนกับท่อนไม้ ไม่มีจริตมารยา ไม่มีอารมณ์หรือความรู้สึกที่ดี พอไปได้ลองเจอสาวๆ ที่มีดีกว่า ก็ติดใจในกามรส ทั้งๆ ที่ไม่ได้รักมากมายไปกว่าเราหรอกครับ
ดังนั้น นางเอกของเรื่องนี้ก็ต้องปรับปรุงตัวเอง ลดน้ำหนักให้เอวเล็กเอวบางลงหน่อย เมื่ออยู่กับคุณสามีต้องดูดึงดูดบ้าง ไม่ใช่เจอแต่ม้วนโรลอยู่เต็มหัว แถมพอกหน้าก่อนนอน ดูแล้วหมดอารมณ์
10.สร้างพื้นฐานของครอบครัวที่ดี ครอบครัวที่มีความสุขย่อมเป็นภูมิคุ้มกันปัญหาเหล่านี้ แม้มีปัญหา ความสัมพันธ์ในครอบครัวจะสามารถเหนี่ยวรั้งเขากลับมาได้ เราต้องพยายามสร้างครอบครัวที่มีความรักระหว่างกันอย่างสมบูรณ์ คือมีทั้ง พ่อรักแม่ แม่รักพ่อ พ่อรักลูก ลูกรักพ่อ แม่รักลูก และลูกรักแม่ เส้นใยความรักในครอบครัว มีพลังมหาศาลที่จะช่วยทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี
ขออวยพรให้ทุกครอบครัวมีความสุข ปราศจากส่วนเกินในชีวิต…ส่วนคนที่หลงผิด ขอให้คิดดูอีกทีว่า ไม่มีใครรักเราไปมากกว่าลูกกับเมียหรอกครับ

 

ผู้สนับสนุน

Most Reading